ทางในการตัดสินใจของเหตุการณ์เริ่มค้างค่างวดรถจึงเกิดคำถามขึ้นว่าจะรีไฟแนนซ์ดีหรือจะตัดภาระขายรถทิ้งต้องถามกับตัวเราก่อนเลยประการแรกว่า สาเหตุที่ทำให้จ่ายค่างวดรถไม่ไหวเกิดจากอะไรและในอีก2ปี 3ปีถ้ารีไฟแนนซ์รถไปแล้วจะผ่อนรถไหวหรือเปล่า กรณีรีไฟแนนซ์รถรอบสองผ่อนไม่ไหวอีกล่ะ ก็จะเป็นการเสียดอกเบี้ยรถซ้ำซ้อนแล้วประวัติการผ่อนสินเชื่อรถยนต์เสียตามไปด้วย ส่วนกรณีที่รีไฟแนนซ์ครั้ง2เรียบร้อยแล้วมีกำลังผ่อนไหวมีความเป็นไปได้ก็น่าจะรีไฟแนนซ์รถเพื่อสู้ต่อ แต่อย่างไรก็ตามต้องทบทวนก่อนว่ารีไฟแนนซ์รถครั้งสองเป็นอย่างไรถ้าจ่ายไม่ไหวแน่ๆก็ควรที่จะตัดใจตัดภาระรถยนต์ออกไม่สมควรนำรถเข้าไฟแนนซ์เพื่อรีไฟแนนซ์รถอีกครั้งและยังเป็นการรักษาเครดิตให้ดีไว้ก่อนด้วย เผื่อในอนาคตวันข้างหน้ายังมีและอาจจะมีโอกาสออกรถใหม่ที่มีราคาสูงกว่ารถคันปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ก็เป็นได้
ความสบายใจในการขายรถที่ผ่อนไม่ไหวก็ได้แก่ขายดาวน์โดยเปลี่ยนสัญญาที่ลิสซิ่งรถให้เรียบร้อย หรือขายให้กับพ่อค้ารถ เต็นท์รถมือสองจะต้องเจรจาตกลงให้เค้าปิดหนี้รถยนต์ให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการปิดเครดิตบูโรให้กลับมาเป็นปกติ สรุปง่ายๆคือเปลี่ยนกรรมสิทธิ์หรือปิดสถานะเช่าซื้อรถยนต์ให้เรียบร้อยถือได้ว่าปลอดภัยด้านเครดิตเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับการขายรถที่ติดภาระผ่อนกับธนาคาร